เมนู

เท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว
4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ
7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
ปัจจัตตวจนวาร จบ

กรณวจนวาร 5 หมวด


1. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุ
นั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งซึ่งปฐม-
ฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . .6 อย่าง . . . 7 อย่าง
คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ
6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน
. . . ตติยฌาน . . . จตุตถฌาน. . .สุญญตวิโมกข์. . .อนิมิตตวิโมกข์. . .อัปปณิหิต-
วิโมกข์ . . . สุญญสมาธิ . . .อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ . . . สุญญต-
สมาบัติ. . . อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิคสมาบัติ . . . วิชชา 3 . . . สติปัฏ-
ฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5 . . . พละ 5
โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . .
อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง

6 อย่าง . . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ราคะ
ภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว...
โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . .โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง
. . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุโดอาศัยแล้ว จิตของ
ภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . . จิตของภิกษุนั้น
เปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง . . .
7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความ
ถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐม-

ฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร
ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .
6 อย่าง . . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
2. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุ
นั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐม-
ฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง . . .7 อย่าง
คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ
6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน
. . . ตติยฌาน . . . จตุตถฌาน . . . สุญญตวิโมกข์ . . . อนิมิตตวิโมกข์ . . .
อัปปณิหิตวิโมกข์ . . . สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ . . .
สุญญตสมาบัติ . . . อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . . วิชชา 3 . . .
สติปัฏฐาน 4 . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5. . . พละ 5
. . . โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล
. . . อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว

ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 8 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 พรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ราคะ
ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว
. . . โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . .โมหะ ภิกษุนั้น สละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้น เธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้น กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว จิตของ
ภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . . จิตของภิกษุนั้น
เปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน
ในสุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร . . .

ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
3. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งทุติยฌาน. . .ตติยฌาน...จตุตถฌาน. . .สุญญตวิโมกช์ . . .อนิมิตตวิโมกข์
. . . อัปปณิหิตวิโมกข์.ํ . . สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ. . . อัปปณิหิตสมาธิ. . .
สุญญตสมาบัติ . . .อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . . วิชชา3 . . . สติ-
ปัฏฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . .อินทรีย์ 5 . . . พละ 5
โพชฌงค์ 7 . . .อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . .สกทาคามิผล. . .
อนาคามิผล . . .อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น

5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว
ราคะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว
สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่ ข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว
จิตของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . .จิตของภิกษุ
นั้นเปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 าLย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู่ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานใน
สุญญาคาร . . . ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง

. . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ
2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4
อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพราง
ความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
4. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความ ถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งทุติยฌาน. . .ตติยฌาน. . . จตุตถฌาน. . . สุญญตวิโมกข์. . . อนิมิตตวิโมกข์
. . . อัปปณิหิตวิโมกข์. . . สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ
. . . สุญญตสมาบัติ . . .อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . .วิชชา 3. . .
สติปัฏฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 4 . . .อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ . . . พละ 5
. . . โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . .สกทาคามิผล
. . . อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น

5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ราคะ
ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว
. . . โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อ เขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว จิต
ของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . .จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . .จิตของภิกษุนั้น
เปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เขาใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุ
นั้น เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่ง
ปฐมฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานใน
สุญญาคาร. . .ซึ่งจตตุถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง

. . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ
2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพราง
ความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความ
จริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
5. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ ของ
ท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้
เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง
. . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ
2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ แล้ว 4 อำพราง
ความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง
เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่านอัน
ภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้น เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน . . . ตติยฌาน . . .จตุตถฌาน . . .สุญญตวิโมกข์ . . .
อนิมิตตวิโมกข์ . . . อัปปณิหิตวิโมกข์ . . .สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ. . .
อัปปณิหิตสมาธิ . . . สุญญตสมาบัติ . . . อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิตสมาบัติ
. . . วิชชา 3 . . .สติปัฏฐาน 4 . .. สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5
. . .พละ 5 . . .โพชฌงค์ 7 . . .อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล. . .
สกทาคามิผล . . . อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง
. . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ
2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว
อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพราง

ความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน
อันภิกษุใดบริโภคแล้ว ราคะ ภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว
สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . . โทสะ ภิกษุนั้น สละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว
ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว
ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .
4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จัก
กล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
แล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ
7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน
อันภิกษุใดบริโภคแล้ว จิตของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ. . . จิตของภิกษุนั้นเปิด
จากโทสะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .
5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลัง
กล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว อำพรางความ
เห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อําพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน
อันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็น
ผู้ชำนาญทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสุญญาควร. . .ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร...

ซึ่งตติยฌานในสุญญาควร. . .ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง
. . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จัก
กล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว
4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

อุปโยควจนวาร 5 หมวด


1. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายวิหารแล้ว
ภิกษุนั้น เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌานด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . .7
คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าวก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้วก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6
อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายวิหารแล้ว ภิกษุ
นั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่ง
ทุติยฌาน. . . ตติยฌาน . . . จตุตถฌาน. . .สุญญตวิโมกข์ . . .อนิมิตตวิโมกข์
อัปปณิหิตวิโมกข์. . . สุญญตสมาธิ. . . อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญ-
ตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ . . . วิชชา 3. . .สติปัฏฐาน. . . 4
. . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4. . .อินทรีย์ 5 . . . พละ 5 . . .โพชฌงค์ 7
. . . อริยมรรคมี องค์ 8 . . .โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . . อนาคามิผล. . .
อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง. . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7